จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 14 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ปรัชญาและทฤษฎีสังคม |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
ISBN 978-616-8215-22-7
เข้าเล่มปกอ่อนจำนวน 176 หน้า
เวลามีเพียงหนึ่งเดียวหรือเปล่า? และเวลาเป็นสิ่งที่วัดได้เสมอไปหรือไม่?
ภาคแรกของหนังสือเล่มนี้เป็นการแนะนำผู้อ่านให้รู้จักแนวคิด 'เวลาทางสังคม' ของเอมิล ดูร์ไกม์ (Émile Durkheim) หนึ่งในบิดาผู้ก่อตั้งวิชาสังคมวิทยา รวมไปถึงลูกศิษย์สายสังคมวิทยาสำนักดูร์ไกม์เมียนหลายท่านอย่าง อองรี อูแบร์ (Henri Hubert) มาร์เซล โมสส์ (Marcel Mauss) โมริส ฮาล์บวาซ (Maurice Halbwachs) และจอร์จ เกอวิช (Georges Gurvitch) เป็นต้น
ดูร์ไกม์นำความคิดเรื่องเวลามาใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคม แม้ว่าดูร์ไกม์เองจะได้รับอิทธิพลทางความคิดแบบปฏิฐานนิยมจากออกุส กงต์ (Auguste Comte, ค.ศ.1789-1857) และได้รับอิทธิพลทางความคิดเรื่องเวลาจากเอมมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant, ค.ศ.1724-1804) แต่เวลาของดูร์ไกม์คือ เวลาทางสังคม (social time) ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่มาก่อนประสบการณ์ (a priori) แต่เป็นเวลาที่มีความเฉพาะและหลากหลายตามแต่ละสังคม อย่างไรก็ดี เวลาที่หลากหลายนั้นสุดท้ายแล้วเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นส่วนรวม (collective) ซึ่งสัมพันธ์กันกับความเป็นสถาบันทางสังคมอย่างแยกไม่ออก เวลาทางสังคมในมุมมองของดูร์ไกม์จึงเป็นทั้งสิ่งที่ถูกกำหนดจากสังคม และเป็นสิ่งที่ควบคุมสังคมด้วย
นอกจากสำนักดูร์ไกม์เมียนแล้ว ยังเกิดการพัฒนาความคิดเรื่องเวลาทางสังคมต่อมาในนักสังคมวิทยาและนักมานุษยวิทยาอีกหลายท่านอย่าง พิทิริม โซโรคิน (Pitirim Sorokin) โรเบิร์ต เมอร์ตัน (Robert Merton) อีแวนส์-พริทชาร์ด (Evans-Pritchard) วิลเลียม โกรซแซง (William Grossin) และนอเบิร์ต เอไลอัส (Norbert Elias) เป็นต้น ซึ่งแนวคิดของนักวิชาการเหล่านี้จะอยู่ในภาคแรกของหนังสือเล่มนี้
ในภาคสองของหนังสือ เป็นการเสนอมโนทัศน์ทางมานุษยวิทยาว่าด้วย 'ระยะทางสังคม' อันเป็นมโนทัศน์ที่พัฒนาขึ้นจากการทำงานภาคสนามของนักมานุษยวิทยาชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า จอร์จ กองโดมินาส (Georges Condominas)
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
ภาคแรกของหนังสือเล่มนี้เป็นการแนะนำผู้อ่านให้รู้จักแนวคิด 'เวลาทางสังคม' ของเอมิล ดูร์ไกม์ (Émile Durkheim) หนึ่งในบิดาผู้ก่อตั้งวิชาสังคมวิทยา รวมไปถึงลูกศิษย์สายสังคมวิทยาสำนักดูร์ไกม์เมียนหลายท่านอย่าง อองรี อูแบร์ (Henri Hubert) มาร์เซล โมสส์ (Marcel Mauss) โมริส ฮาล์บวาซ (Maurice Halbwachs) และจอร์จ เกอวิช (Georges Gurvitch) เป็นต้น
แม้ว่าปัจเจกบุคคลจะรับรู้และรู้สึกได้ถึงเวลาที่เป็นของตัวเองโดยเฉพาะ แต่การรับรู้และรู้สึกได้นี้ก็มีพื้นฐานทางสังคม จึงกล่าวได้ว่าเวลาของปัจเจกนั้นถูกจัดวางด้วยรูปแบบที่เป็นส่วนรวมซึ่งมีลักษณะที่เหนือกว่ารูปแบบเวลาเฉพาะของปัจเจกบุคคลทั่วไป ด้วยเหตุนี้ เวลาของดูร์ไกม์จึงเป็น 'เวลาทางสังคม' เพราะเวลามีลักษณะเป็นส่วนรวม ไม่มีประสบการณ์เฉพาะประสบการณ์ไหนที่สามารถรับรู้ได้ก่อนหรือนอกเหนือไปจากกรอบแห่งกาลเวลาทางสังคมที่ดำรงอยู่มาก่อนหน้า เกิดมาก่อนหน้านั้น หรือส่งผ่านทางวัฒนธรรมจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งมาก่อนหน้านั้น กรอบแห่งกาลเวลาทางสังคมนี้ค่อยๆ ก่อร่างขึ้นมาอย่างยาวนานผ่านชีวิตทางศาสนาและวัฒนธรรม
ทำไมเวลาของปัจเจกจึงกลายเป็นเวลาของสังคมไปด้วย ดูร์ไกม์อธิบายว่า เพราะเวลามีลักษณะเป็นโครงสร้างที่เป็นผลมาจากการสั่งสอนทางสังคมโดยที่เราไม่รู้ตัว เวลาจึงถือเป็นความเป็นจริง แต่เป็นความเป็นจริงขั้นรอง (réalité seconde หรือ second reality) เพราะว่าถูกคั่นกลางด้วยกระบวนการทางสังคม ด้วยเหตุนี้ เวลาทางสังคมของดูร์ไกม์จึงเป็นเวลาที่ร่วมกันของกลุ่มซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความเป็นสถาบันทางสังคมที่สังคมมีอำนาจต่อสามัญสำนึกของปัจเจก
นอกจากสำนักดูร์ไกม์เมียนแล้ว ยังเกิดการพัฒนาความคิดเรื่องเวลาทางสังคมต่อมาในนักสังคมวิทยาและนักมานุษยวิทยาอีกหลายท่านอย่าง พิทิริม โซโรคิน (Pitirim Sorokin) โรเบิร์ต เมอร์ตัน (Robert Merton) อีแวนส์-พริทชาร์ด (Evans-Pritchard) วิลเลียม โกรซแซง (William Grossin) และนอเบิร์ต เอไลอัส (Norbert Elias) เป็นต้น ซึ่งแนวคิดของนักวิชาการเหล่านี้จะอยู่ในภาคแรกของหนังสือเล่มนี้
ในภาคสองของหนังสือ เป็นการเสนอมโนทัศน์ทางมานุษยวิทยาว่าด้วย 'ระยะทางสังคม' อันเป็นมโนทัศน์ที่พัฒนาขึ้นจากการทำงานภาคสนามของนักมานุษยวิทยาชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า จอร์จ กองโดมินาส (Georges Condominas) กองโดมินาสมีเป้าหมายในการใช้มโนทัศน์เรื่อง “ระยะทางสังคม” เพื่อแทนที่คำว่า “วัฒนธรรม (culture)” คำว่า “espace” ในภาษาฝรั่งเศส หรือ “space” ในภาษาอังกฤษ ถูกแปลเป็นภาษาไทยด้วยคำว่า “ระยะ” แทนที่จะเป็นคำว่า “พื้นที่” ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า คำว่า “ระยะ” หมายถึงได้ทั้งระยะทาง และระยะเวลา ดังนั้น “espace social” จึงไม่ใช่แค่พื้นที่ทางสังคม แต่มันคือระยะทางสังคมที่ประกอบขึ้นบนพื้นที่และเวลา ในระยะดังกล่าวจะปรากฏเห็นผู้คนเสมอ ผู้คนซึ่งมีชีวิตอยู่บนพื้นที่ ปราศจากพื้นที่แล้วไซร้ วัฒนธรรมของมนุษย์ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ทั้งนี้เพราะแต่ละพื้นที่จะพบองค์ประกอบของแต่ละวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี องค์กรทางสังคม ครอบครัว ระบบศาสนา เป็นต้น ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |