จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 19 ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | ปรัชญาและทฤษฎีสังคม |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
ขนาด A5 (143 x 211 x 14 มม)
เข้าเล่มแบบปกอ่อนจำนวน 232 หน้า
ชื่อของ “นอร์เบิร์ต เอไลอัส” (Norbert Elias) หรือบ้างก็เรียกว่า “เอเลียส” ยังถูกพูดถึงน้อยในประเทศไทย ทั้งที่ความคิดของเขามีคุณประโยชน์ในการมองสังคมมนุษย์หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ที่เกี่ยวกับการใช้และควบคุมความรุนแรง ตัวแบบที่แก้ปัญหาทางสังคมวิทยาเรื่องมนุษย์ในโครงสร้างสังคม และแนวคิดสำหรับศึกษาพัฒนาการรัฐอันยาวนานกว่าสหัสวรรษ ฯลฯ
สาเหตุที่ชื่อของเอไลอัสถูกพูดถึงน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโลกวิชาการด้านสังคมวิทยาและประวัติศาสตร์ที่ใช้ภาษาอังกฤษแทบจะไม่รู้จักผลงานของเอไลอัส จวบจนกระทั่งปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 ที่มีการนำผลงานชิ้นสำคัญของเขาอย่าง The Civilizing Process มาแปลจากภาษาเยอรมันเป็นภาษาอังกฤษและตามมาด้วยผลงานชิ้นอื่นๆ งานเขียนของเอไลอัสค่อยๆ ได้รับการยอมรับว่าได้สร้างคุณูปการอย่างมีนัยสำคัญต่อวงวิชาการในโลกภาษาอังกฤษ เหตุผลนี้เองที่ทำให้ก่อนคริสต์ทศวรรษ 1980 นักวิชาการไทยจึงไม่ได้มีโอกาสเรียนหรืออ่านผลงานของเขาผ่านภาษาอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม ล่วงมาจนถึงปี ค.ศ.2021 หรือกว่า 40 ปีนับจากที่มีการทยอยแปลผลงานของเอไลอัสออกเป็นภาษาอังกฤษ งานวิชาการภาษาไทยที่กล่าวถึงเอไลอัสก็ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยเท่าไรนัก ผลที่ตามมาก็คือ วงวิชาการด้านสังคมวิทยาและประวัติศาสตร์ในไทยยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความคิดของเอไลอัสในการทำวิจัยหรือต่อยอดในทางทฤษฎีมากเท่าที่ควร ทั้งๆ ที่ความคิดของเอไลอัสมีคุณประโยชน์มากต่อการศึกษาในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นปัญหาสำคัญอย่างความเข้าใจต่อความรุนแรง ปัญหาแนวคิดที่มองพัฒนาการของความสัมพันธ์มนุษย์อย่างหยุดนิ่ง ตัวแบบของเอไลอัสเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะช่วยสะท้อนประวัติศาสตร์ช่วงยาวของความสัมพันธ์เชิงอำนาจของมนุษย์ในมิติความรุนแรง อารมณ์ ชีวิตประจำวัน และภาพตัวตนตั้งแต่สังคมชนเผ่า นครรัฐ รัฐจารีต รัฐชาติ สังคมระหว่างประเทศ ฯลฯ
จากข้อจำกัดด้านความเข้าใจต่อทฤษฎีของเอไลอัส และความไม่แพร่หลายในการใช้ทฤษฎีของเขาในประเทศไทย ได้นำไปสู่จุดมุ่งหมายประการหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนเน้นค้นคว้าศึกษาวิเคราะห์และสังเคราะห์ทฤษฎี ญาณวิทยา การปรับใช้ต่อยอด และจุดอ่อนต่างๆ ของทฤษฎีของเอไลอัส หนังสือเล่มนี้แนะนำให้ผู้อ่านเข้าใจเพิ่มเติมถึงมโนทัศน์ต่างๆ ของเอไลอัส ที่อาจเป็นที่รู้จักอยู่บ้าง เช่น ทฤษฎีกระบวนการสู่ความศิวิไลซ์ และ ฮาบิตัส (Habitus) ตลอดจนแนะนำมโนทัศน์อื่นๆ ของเอไลอัสที่อาจยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักอย่างเช่น แนวคิดความสัมพันธ์เชิงพึ่งพิงต่อรอง แนวคิดพวกมีหลักปักฐานและคนนอก และแนวคิดในการศึกษาการใช้เวลาว่างและกีฬา
นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ได้พยายามรวบรวมมโนทัศน์สำคัญของเอไลอัสไว้ให้หลากหลายครอบคลุม เพื่อที่จะชี้ถึงความสัมพันธ์ของมโนทัศน์หลักและมโนทัศน์ย่อยต่างๆ โดยละเอียดเพียงพอจนน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านสำหรับนำไปทดสอบสมมติฐานเพื่อทดลองมองและ/หรือปรับใช้ในงานวิจัยของผู้อ่านได้อย่างรอบด้านเท่าที่ผู้เขียนจะพอนำเสนอไว้ได้
เพื่อให้หนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องนำทางหนึ่งให้แก่นัก(เรียน)สังคมวิทยาและประวัติศาสตร์ หนังสือเล่มนี้จึงพยายามชี้ถึงการประกอบสร้างทฤษฎีขึ้นมาของเอไลอัสผ่านความเชื่อมโยงกันระหว่างข้อมูลเชิงประจักษ์ แนวคิดทฤษฎี และญาณวิทยา ตลอดจนพยายามชี้ถึงกระบวนการในการรื้อและประกอบใหม่ของทฤษฎีสังคมวิทยาของเอไลอัสโดยนักวิชาการรุ่นหลัง เพื่อนำทฤษฎีของเอไลอัสมาประกอบบนบริบทใหม่โดยนักวิชาการรุ่นหลังอย่างวิพากษ์และต่อยอดจนสามารถใช้ทฤษฎีที่ปรับใหม่มาจับความสัมพันธ์ทางสังคมที่ต้องการศึกษาได้อย่างรอบด้าน ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้การปรับใช้แนวคิดของเอไลอัสมีความแพร่หลาย สะดวก และง่ายต่อความเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดความคิดและค้นคว้าต่อไป ผู้เขียนจึงได้ยกตัวอย่างจากผลงานต้นฉบับของเอไลอัส และจากงานวิจัยที่ต่อยอดการศึกษาของเอไลอัสทั้งที่เขียนโดยนักวิชาการนานาชาติ และจากประสบการณ์การวิจัยของผู้เขียนเองอีกด้วย
ชาญ พนารัตน์
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
หนังสือ บนทางสู่อารยะ: สังคมวิทยาและประวัติศาสตร์ในทัศนะของเอไลอัส ของอาจารย์ ดร. ชาญ พนารัตน์ นั้นให้คุณูปการอย่างมากมายมหาศาลในทางวิชาการ จุดแข็งที่สำคัญที่สุดของงานเขียนชิ้นนี้อยู่ที่การนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ ให้แก่แวดวงสังคม- ศาสตร์และมนุษยศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งผู้เขียนเองยังมิเคยได้พบเห็นผลงานที่เกี่ยวกับเอไลอัสที่เขียนถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาไทย ได้อย่างครอบคลุมและค่อนข้างสมบูรณ์แบบในแวดวงวิชาการไทยเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
โดยส่วนตัวผู้เขียนเห็นด้วยกับอาจารย์ชาญ ว่างานเขียนของ เอไลอัส นั้นมีลักษณะพิเศษตามแนวทางของสังคมวิทยาประวัติ- ศาสตร์ที่น่าสนใจ ซึ่งเกิดจากการสังเคราะห์แนวคิดและทฤษฎีสังคมจากนักคิดหลายคนและหลายสำนักทั้งในยุคคลาสสิกและร่วมสมัยที่อาจารย์ ดร. ชาญ ได้อภิปรายแจกแจงเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ อาทิเช่น คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) มักซ์ เวเบอร์ (Max Weber) เอมิล เดอร์ไคม์ (Émile Durkheim) ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) คาร์ล แมนไฮมม์ (Karl Mannheim) ปิแอร์ บูดิเยอร์ (Pierre Bourdieu) และนักวิชาการในระดับสากลคนอื่นที่อาจารย์ชาญอ้างอิงเอาไว้
จุดแข็งอีกประการหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ คือ การที่อาจารย์ ดร. ชาญ ได้นำเอางานเขียนชิ้นอื่น ๆ ของเอไลอัสมาร่วมอภิปรายด้วย โดยที่หนังสือเล่มไม่ได้เขียนถึง The Civilizing Process แค่เพียงอย่างเดียว งานเขียนชิ้นอื่น ๆ ที่สำคัญที่อาจารย์ชาญได้กล่าวถึงและ/หรือนำมาร่วมอภิปรายไว้ในหนังสือเล่มนี้ ได้แก่ The Germans: Power Struggles and the Development of Habitus in the Nineteenth and Twentieth Centuries (1996) The Loneliness of the Dying (2001) What is Sociology? และ (1978) The Society of Individuals (2001)
อย่างไรก็ตาม งานเขียนชิ้นหลักอีกชิ้นที่ดูเหมือนจะเป็นแรงบันดาลใจให้อาจารย์ชาญมากที่สุด ก็คงจะเป็น Quest for Excitement: Sport and Leisure in the Civilizing Process (1986) ทั้งหมดนี้ได้รับการถ่ายทอดผ่านการเรียงลำดับเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และประสบการณ์ที่มาจากผลงานวิจัยของตัวอาจารย์ ดร. ชาญเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกีฬาและการใช้เวลาว่างกับการควบคุมตนเองและการลดทอนความรุนแรง ซึ่งเขาได้นำเอาแนวคิดของเอไลอัสมาศึกษาประวัติศาสตร์ไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกีฬาและการใช้เวลาว่างกับการควบคุมตนเองและการลดทอนความรุนแรง ซึ่งเขาได้นำเอาแนวคิดของเอไลอัสมาศึกษาประวัติศาสตร์ไทยภายใต้หัวข้อดังกล่าว...
จุดแข็งในประการต่อมา คือการใช้ตรรกะและวาทศิลป์ในการเขียน ภาษาที่ใช้ ทำให้อ่านเข้าใจง่าย การเขียนมีความกระชับและตรงประเด็น อ่านแล้วรู้สึกรื่นไหลภายในการอ่านเพียงครั้งเดียว มีการแสดงออกถึงตัวตนในทางวิชาการของอาจารย์ชาญ ผู้ซึ่งมีความสนใจและเชี่ยวชาญในด้านสังคมศาสตร์เชิงประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของของกีฬาและการใช้เวลาว่าง กับการควบคุมตนเองและการลดทอนความรุนแรงในบริบทของประวัติศาสตร์ไทย ที่เขาได้เคยทำงานวิจัยและตีพิพม์ผลงานในหัวข้อดังกล่าวมาก่อน
ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นบันไดขั้นแรกที่นำพาผู้อ่านและผู้ที่ให้ความสนใจในแวดวงสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ในประเทศไทยไปสู่งานเขียนของเอไลอัสและสังคมวิทยาประวัติศาสตร์ ท้ายที่สุดแล้วหนังสือ บนทางสู่อารยะ : สังคมวิทยาและประวัติศาสตร์ในทัศนะของนอร์เบิร์ต เอไลอัส ที่จัดพิพม์โดยสำนักพิมพ์ Illuminations Editions ของอาจารย์ ดร. ชาญ พนารัตน์ น่าจะเป็นตัวแทนของคู่มือในการอ่านงานของเอไลอัสในประเทศไทย ได้เป็นอย่างดีในระดับที่สตีเฟ่น เม็นเนว (Stephen Mennell) อีริค ดันนิ่ง (Eric Dunning) และเด็นนิส สมิธ (Dennis Smith) เคยทำเอาไว้ในตลาดหนังสือคู่มือการอ่านงานวิชาการทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ (Companions) ในตลาดหนังสือภาษาอังกฤษในระดับนานาชาติ
_________________
บางส่วนจากคำนิยม ของผศ. ดร. กีรติ ชื่นพิทยาธร
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |