จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | 7 เล่ม |
จำนวน (เล่ม) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 เล่ม
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | วิทยาศาสตร์ |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ไฮไลท์ |
หนังสือ ประโยชน์ของความรู้ที่ไร้ประโยชน์ ของเอบราฮัม เฟล็กซ์เนอร์
แปลจากหนังสือ The Usefulness of Useless Knowledge by Abraham Flexner
กิตติธัช สุมาลย์นพ แปล
บัญชา ธนบุญสมบัติ บรรณาธิการ
ขนาดหนังสือ กว้าง 12.7 cm x หนา 18.4 cm สัน 8 mm
เข้าเล่มปกอ่อนจำนวน 136 หน้า
______________________
เอบราฮัม เฟล็กซ์เนอร์ เป็นผู้อำนวยการคนแรกของสถาบันการศึกษาขั้นสูง ในเมืองพรินซ์ตัน ซึ่งมีอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นสมาชิกคนแรกๆ
นักวิชาการในสถาบันแห่งนี้ ทำงานของตนโดยเพ่งความสนใจไปยังความคิดที่ลึกซึ้งได้อย่างเต็มที่ และอยู่ห่างจากประเด็น ‘การประยุกต์ใช้จริง’ ให้มากที่สุด
สถาบันแห่งนี้ทำให้วิสัยทัศน์ของเฟล็กซ์เนอร์เรื่อง “การแสวงหาความรู้ที่ไร้ประโยชน์โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง” เป็นรูปเป็นร่างขึ้นจริง ซึ่งความรู้เหล่านี้กว่าจะมองเห็นประโยชน์ได้ก็ใช้เวลาหลายทศวรรษ หรืออาจมองไม่เห็นเลย ทว่าประโยชน์ที่คาดไม่ถึงของความรู้เหล่านี้ก็อาจตามมาอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยทั่วโลกกำลังทำสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดดังกล่าวอยู่ !!!
จาก 'คำนำ' ของ ดร.นําชัย ชีววิวรรธน์
|
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
เคยสงสัยว่า คนเราจะอยากรู้เรื่องดาวพลูโตไปทำไม แทนที่จะหาวิธีทำให้โทรศัพท์ไม่ต้องชาร์จแบตบ่อยหรือพาวเวอร์แบงค์ลูกเล็กและเบากว่านี้
หนังสือเล่มนี้ตอบคำถามได้หนำใจ มันพูดถึง 'ประโยชน์ของความรู้ที่ไร้ประโยชน์' ซึ่งพออ่านแล้วจึงเข้าใจว่าไม่มีความรู้ที่ไร้ประโยชน์ สิ่งที่น่าตั้งคำถามคือ 'ประโยชน์' ที่ว่านั้นเราวัดจากอะไร มีประโยชน์เพราะขายได้ มีประโยชน์เพราะเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ มีประโยชน์เพราะเป็นอาวุธไว้ต่อสู้ศัตรู ฯลฯ เมื่อเน้นประโยชน์ในแบบที่จับต้องได้ เห็นผลไว จึงส่งผลต่อ 'ทุน' ที่มอบให้การทำวิจัยต่างๆ คราวนี้งานวิจัยทั้งหลายก็เลยกลายเป็นต้องตอบโจทย์ประโยชน์อันนำมาซึ่งกำไร อาวุธ หรือใช้สอยได้ทันที เรียกอีกแบบว่าประโยชน์ระยะสั้น หนังสือฉายภาพให้เราเห็นว่าเราเป็นหนี้บุญคุณของนักคิดนักวิทย์ที่แสวงหาความรู้ที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์หลายต่อหลายคน หลายต่อหลายโจทย์
👉 รมต.คลังอังกฤษเคยถามไมเคิล ฟาราเดย์ว่า การทดลองไฟฟ้าของเขาก่อประโยชน์ใดกับประเทศบ้าง เขาตอบว่า "วันหนึ่งท่านอาจเก็บภาษีจากมันได้" 👉 การศึกษาเรื่องควอนตัมซึ่งบางคนอาจมองว่าจะรู้ไปทำไมเป็นเงื่อนไขสำคัญของความรู้เกี่ยวกับไมโครโพสเซสเซอร์ เลเซอร์ นาโนเทคฯ มีคนบอกว่า GDP สหรัฐฯ 30% มาจากสิ่งประดิษฐ์ที่ได้ความรู้จากกลศาสตร์ควอนตัม
👉 ความรู้จากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ช่วยให้ GPS ที่เราใช้กันอยู่ไม่เพี้ยน ไม่งั้นมันจะคาดเคลื่อนไป 11 กิโลเมตรในหนึ่งวัน
👉 การค้นพบดีเอ็นเอเกลียวคู่นำมาซึ่งความรู้ในการป้องกันรักษาโรคและปรับปรุงการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
👉 อินเตอร์เน็ตที่ใช้ๆ กันอยู่ก็เริ่มต้นจากเครื่องมือประสานงานระหว่างนักฟิสิกส์นับพันคนที่ห้องปฏิบัติการเครื่องเร่งอนุภาคของเซิร์น
👉 อ.นำชัยเขียนในคำนำว่า บรรดาสตาร์ตอัพทั้งหลายที่กลายเป็นยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล กูเกิล เฟซบุ๊ก ล้วนเกิดขึ้นได้จากฐานความรู้ของงานวิจัยที่ถูกมองว่าเป็น 'ความรู้ไร้ประโยชน์'
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
...
แล้วอย่างนี้เส้นแบ่งของ 'ประโยชน์' คืออะไร
รอบเบิร์ต ไดจด์กราฟ สรุปไว้ห้าข้อว่าทำไมจึงควรสนับสนุนความรู้ไร้ประโยชน์ ☀️ 1. เพราะมันทำให้ความรู้ก้าวหน้ามากขึ้น
☀️ 2. มันทำให้เกิดเครื่องมือใหม่ขึ้นมาระหว่างทาง
☀️ 3. มันดึงดูดให้คนฉลาดมาร่วมคิดร่วมหาคำตอบ
☀️ 4. สาธารณชนเข้าถึงความรู้เหล่านี้และนำไปใช้ประโยชน์ได้
☀️ 5. มันเบิกทางให้เกิดสตาร์ตอัพ
...
ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด จินตนาการของการแสวงหาคำตอบก็ไร้เพดานกั้น แต่การทำงานทางวิทยาศาสตร์และสารพัดศาสตร์นั้นต้องการเงินทุน หากสังคมหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจต่างๆ มองสั้นก็จะไม่เปิดพื้นที่ให้เกิดการค้นคว้า 'ความรู้ไร้ประโยชน์' ขึ้นมา
ความเข้าใจของประชาชนก็สำคัญ หากเรามองเห็นประโยชน์ของความรู้แบบนี้ ก็จะสนใจ เรียกร้อง เปิดโอกาสให้เกิดการศึกษามากขึ้น สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับความคาดหวังระยะสั้นที่ต้องการตอบโจทย์เฉพาะหน้าเท่านั้น หรือมองที่ผลกำไรเท่านั้น เพราะปัญหาของมนุษยชาติและโลกนี้สลับซับซ้อนและเกินคาดเสมอ เช่น เรื่องสภาพอากาศรวนเรหรือโรคระบาดที่เจออยู่ เราจึงต้องสะสมความรู้เอาไว้ก่อน ผมชอบที่ผู้เขียนเสนอว่า การลงทุนในงานวิจัยควรคิดเหมือนเรื่องการเงิน คือมีทั้งการลงทุนระยะสั้นที่เห็นผลว่าดีแน่ๆ ขณะเดียวกันก็ควรลงทุนระยะยาวที่เสี่ยงกว่าและอาจไม่ก่อรายได้อะไร แต่แบบยาวนั้นถ้าเกิดสำเร็จขึ้นมาหรือผลข้างเคียงอื่นๆ ที่ผุดขึ้นอาจก่อประโยชน์มหาศาล ...
อ่านแล้วผมนึกถึงที่เคยสัมภาษณ์พี่ต้อม-เป็นเอก แกบอกว่าหนังที่แกทำอาจไม่ได้ทำกำไร ไม่ได้มีคนดูมากมายอะไร แต่มันจำเป็น เพราะงานศิลปะควรมีความหลากหลาย และงานทดลอง งานแนวอื่นนั้นจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ก่อเกิดไอเดียใหม่ๆ ให้กับคนที่ได้เสพมัน
ไม่ว่าแวดวงศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ พื้นที่ของการมองข้ามยอดเขาที่เราเห็นออกไป สู่พื้นที่ในจินตนาการที่เราอยากเห็นล้วนจำเป็น ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษยฺคือจุดกำเนิดความสร้างสรรค์
การไปถึงอาจไม่สำคัญเท่ากับการได้ลองดุ่มเดินไป
และผลลัพธ์ก็อาจไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้เสมอไป
อาจเจ๋งกว่านั้น อาจเซอร์ไพรซ์เรา
เรื่องที่น่าเสียดายที่สุดคือเราไม่เห็นประโยชน์ของการออกเดินทาง และเดินวนเวียนอยู่กับพื้นที่แคบๆ แบบเดิม ทำให้เรามองไปไม่ได้ไกลเกินกว่าที่พอจะเดาได้ แล้วติดกับดักเรียกสิ่งนั้นว่า 'ประโยชน์' นิ้วกลม ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |